เหรียญพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร รุ่น 9 งามเอก เนื้อเงิน วัดอุดมสมพร สกลนคร ปี 2513
เหรียญพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร รุ่น 9 งามเอก เนื้อเงิน วัดอุดมสมพร สกลนคร ปี 2513 นักสะสมรุ่นเก่าๆ มักจะมีการเก็บพระไว้ในกรอบป้องกันการโดนสัมผัส เหรียญจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื้อตามธรรมชาติ เหรียญมีร่องรอยการแกะบล็อกสด ตัวหนังสือคม ชัด ลึก มีร่องรอยสนิมเกิดความเก่า โลหะที่มีอายุมาก แท้ดูง่าย จำนวนผลิดน้อย หาพบยาก แบ่งปันให้บูชา ให้ผู้ที่มีบุญสัมพันธ์เก็บไว้เป็นคู่บารมี สะสมไว้วันข้างหน้า ให้บูชาจะยิ่งสูงขึ้นไปกว่าปัจจุบัน พระเหรียญอาจารย์ฝั้น อาจาโร องค์นี้เป็นการครอบครอง Amulet Ping
ภาพขยายด้วยกล้อง 500X เหรียญอาจารย์ฝั้น อาจาโร รุ่น 9
ข้อมูลบทความเพิ่มเติม…เหรียญพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร รุ่น 9
คำสอน พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
” ทุกคนจะต้องเข้า มหายุทธสงครามสักวันหนึ่ง คือการต่อสู้กับมัจจุราชเมื่อถึงเวลานั้นแต่ละคนจะต้องสู้เพื่อตนเอง และต้องสู้โดยลำพังผู้ที่สู้ได้ดีก็จะไปดีคือไปสู่สุคติผู้ที่เพลี่ยงพล้ำก็จะไปร้ายคือไปสู่ทุคติ อาวุธที่ใช้ต่อสู้มีเพียงสิ่งเดียว คือ “สติ” ซึ่งจะสร้างสมได้ด้วยการเจริญภาวนาเท่านั้น ”
พระจารย์แจ้งเตือนภัย
” บุญกุศลนั้นก็ไม่ใช่อื่นไกลก็ได้แก่ทานบารมีศีลบารมี ภาวนาบารมีนี้แหละทานก็รู้อยู่แล้วคือการสละ หรือการละการวางผู้ใดละมาก วางได้มากก็เป็นผลานิสงส์มากผู้ใดวางได้น้อยละได้น้อยก็มีผลานิสงส์น้อยละได้น้อยก็มีผลานิสงส์น้อยมัจฉริยะความตระหนี่เหนียวแน่นนี้หละ คือความโลภต้องสละเสีย ให้เป็นผู้บริจาคก็บริจาคทรัพย์สมบัติ วัตถุทั้งหลายเหล่านั้นหละไม่ใช่อื่นไกลแปลว่าทะนุบำรุงตน เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านจะสำเร็จมรรคผลท่านก็ได้สร้างบารมีมา คือทานบารมีอันนี้นี่ให้เข้าใจไว้ทานเป็นเครื่องสะเบียงของเรา เมื่อเราได้ทำไว้พอแล้วเราจะเดินทางไกล เราก็ไม่ต้องกลัวอดกลัวอยาก กลัวทุกข์กลัวยากของเก่าเราได้ทำมาไว้ ถ้าอะไรเราไม่ได้ทำไว้ อยากได้ มันก็ไม่ได้ ถ้าได้ทำไว้แล้ว สร้างไว้แล้ว ไม่อยากได้ มันก็ได้ นี่แหละทานบารมี เหตุนี้ ให้พากันเข้าใจ ”
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ให้ทุกคนถือศิล
” ศีลบารมีล่ะ คนเราเพียงแต่รับศีลไม่ได้รักษาศีล เข้าใจว่า ศีลนั้นเป็นของพระถ้าพระไม่ให้แล้ว ก็ว่าเราไม่ได้ ศีลอย่างนี้ เป็นสีลัพพตปรามาส เพียงแต่ลูบคลำศีลแท้ที่จริงนั้น ศีลของเรา เกิดมาพร้อมกับเรา ศีลห้าบริบูรณ์ตั้งแต่เกิดขาสอง แขนสอง ศีรษะหนึ่ง อันนี้คือตัวศีลห้า เราได้จากมารดาของเรา เกิดมาก็มีพร้อมแล้ว เมื่อเรามีศีลห้าบริสุทธิ์อย่างนี้ ก็ให้เรารักษาอันนี้หละ รักษากายของเรา รักษาวาจา รักษาใจให้เรียบร้อยอย่าไปกระทำโทษน้อยใหญ่ ทางกาย ทางวาจา ทางใจของเรา โทษห้าคืออะไร คือ ปาณาติปาตา ท่านให้งดเว้น อย่าไปทำ นั่นเป็นโทษ ไม่ใช่ศีลอทินนาทานา นั่นก็เป็นโทษ ไม่ใช่ศีลกาเมสุมิจฉาจารา นั่นก็ไม่ใช่ศีล เป็นแต่โทษมุสาวาทา ท่านให้งดเว้น มันเป็นโทษ ไม่ใช่ศีลสุราเมรยมชฺชฯ อันนี้ก็เป็นแต่โทษถ้าเราไม่ได้ทำความผิดห้าอย่างนี้ อยู่ที่ไหนเราก็มีศีล อยู่ในป่าในดง ก็มีศีล อยู่ในรถในรา เราก็มีศีลให้เข้าใจศีลตามนี้ ที่คอยจะรับจากพระ นั่นไม่ใช่ ท่านก็บอกว่า อย่าไปทำ ห้าอย่างนั้นให้ละเว้น เมื่อเราละเว้นแล้ว อยู่ที่ไหนก็มีศีล เราก็เป็นคนบริสุทธิ์ บริบูรณ์ ศีลห้า อย่างนั้น เราไม่อยากได้ ไม่ปรารถนาเหตุฉันใด จึงว่าไม่อยากได้ พิจารณาดูซี่ สมมติว่ามีคนมาฆ่า หรือ มาฆ่าพี่ฆ่าน้อง ญาติพงษ์ ของเรา เราดีใจไหมล่ะ เราไปฆ่าเขาล่ะ เขาดีใจไหม พิจารณาดูซี่ เราไม่ต้องการอย่างนั้นไม่ใช่เหรอถ้าเราไม่ทำอย่างนั้นแล้ว โทษของเรา ก็ไม่มี เกิดมาอายุก็ยืนนาน ไม่ตายแต่น้อย แต่หนุมก็เพราะเราไม่ได้ทำปาณาติบาตไว้ ในหลายภพหลายชาติแม้ในชาตินี้ก็เหมือนกัน เราฟังธรรม ก็ฟังในชาตินี้ แล้วก็ปฏิบัติในปัจจุบันนี้ เราไม่ต้องคำนึงถึงอดีตอนาคต เรากำหนดให้รู้เดี๋ยวนี้ เรานั่งอยู่นี่ ก็เป็นศีลอยู่ นี่ข้อสำคัญ ”

































