พระสมเด็จ บางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม หูยาน กรุเก่า แก่ปูนเปลือกหอย
สารบุัญ
- ประวัติความเป็นมา
- การสร้างพระ
- บล็อกแม่พิมพ์
- วัสดุส่วนผสมในการสร้างพระ
- บรรจุกรุ
- ก่อนเปิด
- การเปิดกรุ
- พุทธคุณ
- ที่มาพิมพ์ฐานแซม
- คาถาชินบัญชร
ประวัติความเป็นมา
- วัดบางขุนพรหมใน (วัดใหม่อมตรส) ที่ประดิษฐานพระมหาเจดีย์ และพบพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมในกรุ ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ “พระสมเด็จบางขุนพรหม” ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง
- วัดบางขุนพรหมนอก (วัดอินทรวิหาร) ตามพระนามพระองค์เจ้าอินทร์ ที่ประดิษฐานพระหลวงพ่อโตยืนองค์ใหญ่
การสร้างพระ
การสร้างพระครั้งนี้ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านเห็นชอบ และยังแนะนํา ว่าถ้าจะสร้างพระให้สร้างเป็นพระเนื้อผง เหมือนที่ท่านเคยสร้างพระวัดระฆังฯ ที่มีชื่อเสียง ซึ่งพระวัดระฆังฯ มีชื่อเสียงเป็นที่เช่าบูชากันตั้งแต่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ยังไม่สิ้น
โดยท่านจะให้ยืมบล็อกที่สร้างพระวัดระฆังฯ ซึ่งเป็นบล็อกที่นิยมมีอยู่ 4 บล็อก ได้แก่
- .บล็อกพิมพ์ใหญ่
- บล็อกพิมพ์ทรงเจดีย์
- บล็อกพิมพ์เกศบัวตูม
- บล็อกฐานแซม
- บล็อกปรกโพธิ์
บล็อกแม่พิมพ์
การสร้างครั้งนั้นมีความคิดว่าจะสร้างให้ได้มากที่สุด สร้างให้ครบพระธรรมขันธ์ คือ 84,000 องค์ [สันนิษฐานว่าจำนวนที่สร้างจริงคงไม่เกิน 10,000 องค์] เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะนําไปบรรจุในองค์พระเจดีย์ใหญ่ เพื่อที่ต่อไปภายหน้า หากประเทศชาติวิบัติ จนประชาชนเดือดร้อน ก็สามารถนําพระที่สร้างขึ้นออกมาใช้ได้ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) มอบมวลสาร ผงวิเศษหลายชนิดที่ท่านปลุกเสกจากการร่ำเรียนตั้งแต่เป็นสามเณร ทั้งแนะนําให้ใช้เนื้อผงปูน เปลือกหอย หรือปูนหิน ผสมผสานสร้างพระขึ้นมา
หากการสร้างพระให้ครบ 84,000 องค์ บล็อกแค่ 4 บล็อก คงไม่พอ เสมียนตราด้วง จึงให้ช่างสิบหมู่ ที่เคยแกะบล็อกให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ทําบล็อกเพิ่มขึ้น โดยให้เลียนแบบพิมพ์เก่าของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมที่สร้างในคราวนั้นจึงมีทั้งหมด 12 พิมพ์ ประกอบด้วย
- พิมพ์ใหญ่
- พิมพ์ทรงเจดีย์
- พิมพ์เส้นด้าย
- พิมพ์เกศบัวตูม
- พิมพ์ฐานแซม พิมพ์ฐานคู่
- พิมพ์สังฆาฏิหูช้าง
- พิมพ์สังฆาฏิไม่มีหู
- พิมพ์อกครุฑเศียรบาตร
- พิมพ์อกโผล่
- พิมพ์ปรกโพธิ์
- พิมพ์ไสยาสน์
วัสดุส่วนผสมในการสร้างพระ
- ปูนขาว
- ผง
- กล้วย
- ข้าวสุก
- เกษรดอกไม้
- งา
- น้ำมันงา น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เป็นต้น
- ผงอิธะเจ
- ผงปถมัง
- ผงตรีนิสิงเห
- ผงมหาราช
- ผงพุทธคุณ
บรรจุกรุ
เมื่อนำมาผสมเสร็จก็นำไปกดที่แม่พิมพ์ เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต ก็เข้าทำพิธีปลุกเสก ในครั้งนั้น สมเด็จพุฒาจารย์โต ได้นำพระวัดระฆังที่ท่านสร้างไว้ก่อน จำนวนหนึ่งประมาณ สี่บาตรพระ เข้าไปร่วมบรรจุไว้ในเจดีย์ด้วย
ก่อนเปิดกรุ
ในปี พ.ศ.2425 ได้มีคนลอบนำพระออกมาจากเจดีย์ เพราะกิติศัพท์ของพระสมเด็จ ใช้รักษาโรคห่า (อหิวาตกโรค) ได้ โดยใช้วิธีตกหรือการตกพระ คือการนำลำไม้ไผ่ยาว ๆ ส่วนปลายข้างหนึ่งของไม้ไผ่นำดินเหนียวมาพอกให้เป็นตุ่ม แล้วสอดเข้าไปในช่องอากาศขององค์พระเจดีย์ให้ปลายไม้ไผ่มีดินเหนียวพอกกระทบกับพื้น เพื่อจะได้พระติดขึ้นมา ทำให้ได้พระไปจำนวนหนึ่ง
ในปี พ.ศ.2436 เกิดสงครามไทยกับฝรั่งเศส ทำให้ประชาชนพากันไปตกพระอีก เพื่อจะได้พระมาไว้ป้องกันตัว คราวนี้ได้พระไปจำนวนมากพอสมควร
ในปี พ.ศ.2450 ก็มีการตกพระอีก พระที่ทำการตกทั้งสามครั้งนั้น จะได้พระที่อยู่บน ๆ ไม่โดนดินหรือเศษฝุ่นในเจดีย์ทักถม จึงเป็นพระที่มีความสวยงามชัดเจน มีคราบกรุจับน้อย ซึ่งมักจะเรียกกันว่า “พระกรุเก่า”
การเปิดกรุ
ในปี พ.ศ.2500 ได้มีคนร้ายกลุ่มหนึ่งคิดจะได้พระทางลัด จึงได้ลอบไปเจาะองค์พระเจดีย์เสียเลยและได้พระจำนวนมาก ทำให้กรรมการของวัดบางขุนพรหมได้ประชุมกัน แล้วพร้อมตกลงที่จะเปิดกรุพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม เพื่อที่จะนำออกจำหน่ายให้ประชาชน เพื่อนำเงินมาบูรณะวัด จึงมีการเปิดกรุเป็นทางการ โดยได้ พล.อ.ประภาส จุรุเสถียร เป็นประธานในการเปิดกรุในครั้งนั้นได้พระมาประมาณ 2,900 องค์ เป็นพระที่สมบูรณ์ และที่ชำรุดแตกหักอีกเป็นจำนวนมาก พระที่แตกกรุออกมาจะมีคราบกรุจับหน้าเสียส่วนใหญ่ เพราะโดนดินและเศษปูนในเจดีย์ทับถม ความสวยงามเป็นรอง พระที่ทำการตกพระครั้งแรก ๆ พระที่ทำการเปิดกรุเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2500 จึงเรียกกันว่า “พระกรุใหม่” มีครบทั้งหมด 9 พิมพ์ ดังได้กล่าวไว้ข้างต้น พิมพ์ที่มีน้อยที่สุด คือ พิมพ์ปรกโพธิ์ คือ พบแค่ 17 องค์เท่านั้น แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือ ได้พบพระของวัดเกศชัยโย และพระปางไสยาสน์ (พระนอน) อีกจำนวนไม่มากนัก
พุทธคุณ
พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม ไม่ว่าจะเป็นพระกรุเก่า หรือพระกรุใหม่ พุทธคุณไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพระสมเด็จวัดระฆังเลย เพราะสมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังษี ท่านได้ร่วมในการสร้างและปลุกเสก เพราะฉะนั้น พุทธคุณนั้นสุดยอดเหมือนกันเลยทีเดียว
ที่มาพิมพ์ฐานแซมอกร่องหูยาน วัดบางขุนพรหม
พระสมเด็จที่เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
ได้สร้างบรรจุไว้ที่วัดบางขุนพรหม โดยใช้แม่พิมพ์ของวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม อกร่อง หูหยาน มาใช้ด้วย ศิลปแม่พิมพ์จึงเหมือนวัดระฆังมากที่สุด
พระสมเด็จพิมพ์ฐานแซมอกร่องหูยาน
- ด้านหน้า มีเส้นแซมที่ใต้องค์พระกับฐานชั้นแรกบนสุด และมีเส้นแซมระหว่างฐานชั้นบนสุดกับฐานสิงห์ชั้นกลาง เส้นพระกรรณ(หู)ชัดเจน แขนทั้งสองข้างคมชัด ลำตัวองค์พระเหมือนเอวบาง เส้นสังฆาฏิเป็นเส้นคู่ยาวชัดเจนอันเป็นที่มาของพิมพ์อกร่อง ตักขององค์พระติดชัด พระบาทขวายกสูงเป็นทรงขัดสมาธิเพชร เส้นแซมใต้ตักที่ติดชัด เส้นแซมใต้ฐานอาสนะชั้นบนสุดจะเป็นเส้นบางกว่าเส้นแซมใต้ตัก ฐานขาสิงห์ชั้นกลางมีเส้นแซมใต้อาสนะมาบรรจบกับฐานสิงห์ฝั่งขวา
- ด้านหลัง ดูคล้ายสังขยา สังเกตุง่ายคือ ส่วนมากจะเป็นรอยรูพรุนเข็ม ปรากฏเป็นหลุมขนาดเล็ก หลุมใหญ่กระจายอยู่เต็ม มีรอยปริแยกที่เรียกว่ารอยปูไต่ และบางที่มีการหดตัว รอยย่นที่แห้งเป็นธรรมชาติทั่วแผ่นหลังขององค์พระ ส่วนของหลุมยุบลงไป เป็นการยุบตัว หดตัวของเนื้อมวลสารอย่างเป็นธรรมชาติ บางทีมีเม็ดกรวด หิน ดิน ทราย ปะป่นมาด้วยจะมีลักษณะมน ไม่เป็นเหลี่ยมแหลมคม
- ด้านขอบข้าง จะเห็นรอยยุบตัว และรอยหลุดลุ่ยของมวลสารเป็นธรรมชาติ ไม่เรียบเนียน เพราะมีการตัดขอบ และเป็นจุดที่มีแรงกดน้อยที่สุด
- รอยรูพรุนเข็ม
- รอยหนอนด้น
- รอยปูไต่
คำจำกัดความคือ
- รอยรูพรุนเข็ม เกิดมาจากการสลายตัวของอินทรีย์สารจากเศษอาหาร พืชและดอกไม้ ซึ่งเป็นส่วนผสมในมวลสารพระ เมื่อเวลาผ่านไปนับร้อยปี มวลสารหดตัวและหลุดล่อนไป เหลือแต่ร่องรอยรูพรุนเข็มปรากฏ หรือสลายไปตามกาลเวลา บางทีอาจถูกแมง แมลง มากัดกิน บนพื้นผิวจนหมดก็มี
- รอยหนอนด้น เกิดจากเศษก้านธูปเล็ก เศษก้านดอกไม้แห้ง เศษอาหารแห้งเมื่อผ่านกาลเวลามานานนับร้อยปี ได้เสื่อมสลายไปเหลือแต่ร่องรอยเป็นรอยขดเหมือนตัวหนอนซึ่งเรียกว่ารอยหนอนด้น
- รอยปูไต่ เกิดจากการใช้ ไม้ตอก มีด หรือวัสดุมีคม นำมากรีดตัดขอลพระโดยกดลากลงมา เมื่อเนื้อปูนแห้งจะหดตัวลง จึงเกิดรอยปริแยกที่ขอบตามธรรมชาติ
มี 6 พิมพ์ วัดระฆัง คือ
- พิมพ์เขื่อง
- พิมพ์โปร่ง
- พิมพ์ชะลูด
- พิมพ์ป้อม
- พิมพ์สันทัด
- พิมพ์ย่อม
มี 2 พิมพ์หลัง ที่มีเฉพาะบางขุนพรหม คือ
- พิมพ์อกร่องหูยานฐานบาง
- พิมพ์อกร่องหูยานฐานเส้น(พิมพ์นี้ใกล้เคียงพิมพ์ฐานคู่มาก)
- หลังรูพรุนปลายเข็ม
- รอยปูไต่
- รอยหนอนด้น
- รอยย่นตะไคร่น้ำหรือฟองเต้าหู้
- รอยกาบหมาก
- รอยสังขยา
- รอยลายนิ้วมือ
- รอยริ้วระแหง
พระสมเด็จพิมพ์อกร่องหูยานฐานเส้น
นอกจากนี้ยังได้อธิบายถึงคุณวิเศษของผงวิเศษ 5 ประการเริ่มจากการทำดินสอผงวิเศษโดยมีส่วนผสมเครื่องยาดังนี้
- ดินโป่ง 7โป่ง
- ดินตีนท่า 7 ตีนท่า
- ดินหลักเมือง 7 หลักเมือง
- ขี้เถ้าไส้เทียนที่บูชาพระประธานในพระอุโบสถ
- ดอกกาหลง
- ยอดสวาท
- ยอดรักซ้อน
- ขี้ไคลเสมา
- ขี้ไคลประตูวัง
- ขี้ไคลเสาตะลุง
- ช้างเผือก
- ราชพฤกษ์
- ชัยพฤกษ์
- พลูร่วมใจ
- พลูสองหาง
- กระแจะตะนาว
- น้ำมันเจ็ดรส
ดินสอพองผสมกันแล้วป่นละเอียด เจือน้ำ ปั้นเป็นแท่งดินสอ หลังจากนั้นก็นำดินสอผงวิเศษมาทำผงปถมัง
การทำผงปถมัง
ใช้ดินสอพองผสมกันแล้วป่นละเอียด เจือน้ำ ปั้นเป็นแท่งดินสอ หลังจากนั้นก็นำดินสอ เขียนคาถา แล้วลบ เป็นผงที่ได้จะนำเป็นมลสารผงวิเศษ ผงวิเศษนี้จะมีอานุภาพของผงปถมัง คือ
- เมตตามหานิยม
- คงกระพันชาตรี
- มหาอุตม์
- แคล้วคลาด
- กำบังล่องหน
- ป้องกันภูตผีปีศาจ
- ป้องกันคุณไสยทั้งปวง
การทำผงอิธะเจ
หลังจากได้ผงปถมัง แล้วก็นำมาปั้นเป็นดินสอผงวิเศษอีกครั้ง โดยเขียนคาถา แล้วลบ เป็นผงที่ได้จะนำเป็นมลสารผงวิเศษ ผงวิเศษนี้จะมีอานุภาพของผงอิธะเจ คือ
- เมตตามหานิยม
- ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
การทำผงมหาราช
หลังจากได้ผงอิธะเจ แล้วนำมาปั้นเป็นดินสอผงวิเศษอีกครั้ง โดยเขียนคาถา แล้วลบ เป็นผงที่ได้จะนำเป็นมลสารผงวิเศษ ผงวิเศษนี้จะมีอานุภาพของผงมหาราช คือ
- เมตตามหานิยม
- ป้องกันและถอนคุณไสย
- แคล้วคลาด
การทำผงพุทธคุณ
หลังจากได้ผงมหาราช แล้วนำมาปั้นเป็นดินสอผงวิเศษอีกครั้ง โดยเขียนคาถา แล้วลบ เป็นผงที่ได้จะนำเป็นมลสารผงวิเศษ ผงวิเศษนี้จะมีอานุภาพของผงพุทธคุณ คือ
- เมตตามหานิยม
- กำบัง
- เดาะ
- ล่องหน
การทำผงตรีนิสิงเห
หลังจากได้ผงพุทธคุณ แล้วนำมาปั้นเป็นดินสอผงวิเศษอีกครั้ง โดยเขียนคาถา แล้วลบ เป็นผงที่ได้จะนำเป็นมลสารผงวิเศษ ผงวิเศษนี้จะมีอานุภาพของผงตรีนิสิงเห คือ
- เมตตามหานิยม
- ป้องกันภูตผีปีศาจ
- ถอนคุณไสย
- ป้องกันเขี้ยวเล็บงาเขาสัตว์
- ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
- ป้องกันอุบัติเหตุ
- ป้องกันอัคคีภัย
- ป้องกันอันตรายทั้งปวง
การปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง
ยังมีบันทึกต่อว่า นอกจากนี้แล้วพระคาถาชินบัญชรที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ได้ใช้ในการปลุกเสกพระสมเด็จนั้น ยังได้อัญเชิญพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ และพระอรหันต์สำคัญหลายองค์ และยังอัญเชิญสูตรสำคัญในพุทธศาสนาทั้ง 7 มาประดิษฐานไว้ด้วย
สูตรสำคัญในพุทธศาสนาทั้ง 7 คือ
- รัตนสูตร
- กรณีเมตตสูตร
- องคุลิมาลสูตร
- ธชัคคสูตร
- ขันธปริตร
- โมรปริตร
- อาฏานาฏิยสูตร
ซึ่งอานุภาพของสูตรทั้งหมดได้รอบคลุมการป้องกันเรื่องโรคระบาด อำนวยผลให้มีความศิริมงคล มีคุณวิเศษในการป้องกันภูตผีปีศาจ คุณไสย บำบัดโรคาพยาธิต่างๆ เพิ่มพลังใจให้อาจหาญ บำราบภยันตรายที่เผชิญหน้าอยู่ให้ถึงวิบัติ ป้องกันเขี้ยว เล็บงา จากอสรพิษและสัตว์น้อยใหญ่ บันดาลให้แคล้วคลาดจากภยันตรายตลอดจนอุบัติเหตุทั้งปวง
พระเนื้อผงพุทธคุณ อายุพระเกือบ 150 ปี ความเก่าควรมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เนื้อหามวลสารหลักที่ใช้จะเป็นปูน ปูนหิน หรือปูนเปลือกหอย พื้นผิดขององค์พระต้องไม่ตึงเรียบไปทั้งองค์ พื้นผิวต้องปรากฏรูพรุนลึกบ้าง ตื้นบ้าง ซึ่งอาจจะเกิดจากอินทรีย์สารที่เป็นส่วนผสมในเนื้อพระย่อยและเสื่อมสลายหลุดรุ่ยไปจากผิวพระ ที่ขอบข้างขององค์พระจะเห็นรอยปริแยกที่ไม่เหมือนกัน เกิดจากการยุบตัวแห้งลงของมวลสาร ไม่เรียบเนียน เนื้อพระต้องหด ยุบตัวในจุดที่มีก้อนมวลสารฝังตัวอยู่ เป็นการยุบหดตัวจากภายในสู่ภายนอกคือลักษณะจะเหมือนความแห้งของผิวดินที่แตกระแหง เรามองเห็นด้านนอกนิดเดียว แต่ด้านในจะโพรงใหญ่กว่า
นักสะสมรุ่นเก่าๆ มีการศึกษาพระสมเด็จ
ควรต้องเข้าใจเรื่องพิมพ์ ธรรมชาติความเก่าถึงยุคของการสร้างพระ เนื้อหามวลสารของพระ อย่าไปยึดติดกับตำนานที่บอกว่ามีพระสมเด็จแตกกรุที่นั่น กรุที่นี่ โดยเด็ดขาด ส่วนสำคัญเมื่อเข้าใจถึงพิมพ์ทรง ธรรมชาติความเก่าของพระได้แล้ว ต้องมีใจหนักแน่น การที่ท่านจะนำพระไปให้ผู้ชำนาญการดู ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ชำนาญการที่เรานำไปให้ดูมีความชำนาญอย่างแท้จริง ทุกอย่างต้องมีเหตุ มีผลอธิบายได้ว่าพระแท้ควรเป็นอย่างไร พระเก๊ควรเป็นอย่างไร ในขณะเดียวกันก็ต้องเปิดใจพร้อมรับฟังเหตุผล คำอธิบายมา เพราะอย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า ไม่มีใครเกิดทันท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สักคน
คาถาชินบัญชร สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี
การหัดสวด คาถาชินบัญชร ควรจะเริ่มสวดในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นวันครูและให้เตรียมดอกไม้ 3 สี หรือดอกบัว 9 ดอก หรือดอกมะลิ 1 กำ จุดธูป 3 5 ถึง 9 ดอก เทียน 2 เล่ม จากนั้นให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยโดยการตั้งนะโม 3 จบ ต่อด้วยบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จากนั้นตั้งจิตนึกถึงสมเด็จโต
พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้น ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม 3 จบ นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐานว่า
คำภาวนาก่อนสวด
พระคาถาชินบัญชร ฉบับย่อ
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา (ภาวนา 10 จบ)
พระคาถาชินบัญชร ฉบับเต็ม
เริ่มสวดบทพระคาถาชินบัญชร 15 บท
คำแปลพระคาถาชินบัญชร ทุกบท
พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์
มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
- ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
- พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง
- พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
- มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
- พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
- พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
- ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
- พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
- พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
- อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
- ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
- ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
- ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ